ไปต่อหรือพอเเค่นี้ ตั้งกระทู้ใหม่ ตั้งกระทู้ใหม่ · · · · · · อยากสอบถามเพื่อนว่า ระหว่างอายุ ประมาณ 24 สร้างรายได้ต่อเดือนประมาณ เเสน กว่า กับตัดสินใจสอบ หมอตอนอายุเท่านี้อะไรจะคุ้มค่ากว่ากันครับใจนึงก็ยังอยากที่จะเป็นอยู่เพราะเป็นความฝันของตัวเอง เเต่ถ้าเรียนต่อจริงๆอาจจะสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้ต่อปีลงไปหมดเลยครับ เพราะต่อให้จบเเพทย์มา การที่จะมีรายได้ให้ได้เท่าเดิมก็คงอีกนานกว่าที่จะกลับมาเท่าเดิม เพื่อนๆมีความเห็นยังไงกันบ้างครับ Seaotterutd 24 เม.ย. 67 เวลา 17:02 น. 0 like 853 views Facebook Twitter รายชื่อผู้ถูกใจกระทู้นี้ คน
เมโลดี้ที่รักสายลม 24 เม.ย. 67 เวลา 17:40 น. 1 ถ้าเป็นเราในเมื่อมีงานทำอยู่แล้ว และเป็นงานที่รายได้ดีมั่นคง เราคงเลือกทำงานค่ะ เว้นแต่งานนั้นมันย่ำแย่อย่างยิ่งไม่ตรงความต้องการของเราเลยขนาดที่ว่าคงทนทำต่อไปได้อีกไม่นาน อันนั้นค่อยมาพิจารณาอีกที ส่วนความฝันคงพับเก็บเอาไว้ เปลี่ยนเป็นการหาความรู้เพิ่มเติมนอกเวลางานเอา เผื่อสักวันอาจได้นำความรู้นั้นไปเผยแพร่ให้คำแนะนำคนอื่น (อย่างถูกต้อง) ได้. และถ้ามีรายได้มากจนเหลือ ก็อาจเอาไปบริจาคให้เป็นทุนส่งเสริมเด็กที่อยากจะเรียนแพทย์แทน เราไม่ต้องเป็นแพทย์ก็ได้ แต่เราสร้างแพทย์ดีๆเพิ่มให้กับวงการแพทย์ได้นะคะ. การศึกษาคือการลงทุน ทั้งทุนทรัพย์ และทุนเวลา. เมื่อลงทุนไปแล้วมันก็ควรได้กำไร ไม่ใช่ขาดทุนนอกจากนี้การใช้ชีวิตก็ต้องใช้ทุนทรัพย์เหมือนกัน การเอาทั้งทรัพย์และเวลาไปทุ่มกับความฝันหมด. ทั้งที่ผลสุดท้ายเราจะได้ทรัพย์คืนมาไม่เท่ากับต้นทุนที่เสียไป เรามองว่ามันเป็นการลงทุนที่ไม่ค่อยคุ้มค่ะ ออกจะขาดทุนด้วยซ้ำ. เพราะมันแปลว่าเราอาจไม่เหลือทุนทรัพย์มากพอสำหรับการใช้ชีวิตอย่างไรก็ตาม เงินเป็นของคุณ. ชีวิตก็เป็นของคุณ. คุณมีสิทธิที่จะเลือกอะไรก็ได้ตามที่คุณพอใจค่ะ คนตันสินใจยังไงก็คือตัวคุณเองอยู่ดี 3 0 ถูกใจ 3 ตอบกลับ เมนู แก้ไข แจ้งลบ ปักหมุด
หมอเกษียณ คลิกผ่านมา 26 เม.ย. 67 เวลา 17:54 น. 2 ศัลยแพทย์เกษียณเร็วครับ ลูกก็จบปริญญาแล้วครับผมตอนนี้58 ปี สายตาไม่ค่อยดี แล้วครับ รายได้เป็น 0 เพราะกินเงินปันผล เล็กๆ น้อยๆอดีตจบแพทย์คณะในฝัน จบเฉพาะทาง เคยได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ เลยฝันไกลเลยครับปรากฏว่าตอนนี้ ถ้าผ่าตัดคนเดียว มีความเสี่ยงเพิ่มทั้งต่อคนไข้ และ ตัวเอง ถ้าอยากทำงานต้องเน้นตรวจopd หรือไปทำบริหาร ถ้าไม่ชอบก็คงไม่มีความสุขถ้าอายุ 24 ปี มีรายได้ แสนเศษ แสดงว่ามีศักยภาพ ในอาชีพที่ทำ เพราะสร้างตัวได้เร็วมาก แต่ถ้าเลือกเรียนแพทย์กว่าจะจบและได้รับการยอมรับ อายุก็คงราว 35ปี ระหว่างนี้เรียนหนักมาก อยู่ในระดับต่ำสุดของการเรียนรู้ ถ้าทนผ่าน10ปีไปได้เป็นแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งมีโอกาสเรียนต่อประมาณ 1/3 ของแพทย์ทั้งหมด และผลการทำงานต้องเข้าตา จึงจะมีโอกาสได้ทำงานใน รพ.ใหญ่ๆ เข้าไปเป็นแพทย์ประจำ อยู่เวรconsultซึ่งต้องมาทำงานดึกๆ รายได้ช่วงนั้นก็คงได้ประมาณแสนเศษ เท่ากับตอนนี้ แต่ถ้าเก่งมากๆ เป็นครีมของรุ่น ซึ่งเทียบกับพวกแพทย์ด้วยกัน ก็จะมีรายได้เป็นหลักล้านบาทต่อเดือน แต่มีจำนวนน้อยมาก ต้องมีฝีมือที่โดดเด่นจริงๆดังนั้นรายได้ที่ได้รับจริงๆ เทียบกับช่วงเวลาทำงาน ไม่มากอย่างที่คนทั่วไปคิด เพราะมองแต่ช่วงเวลาที่มีรายได้สูงสุด และมักคิดว่าตนเองก็ทำได้ แต่ถ้าต้องการเสียสละ และมีใจรักต้องการช่วยเพื่อนมนุษย์จริงๆ ก็เป็นหนีึ่งในอาชีพ ที่ดีที่สุด เพราะทุกวันมีโอกาสเสมอ ถ้าเผื่อใจไว้ด้วยว่า การช่วยเหลือเต็มที่แม้ไม่ต้องการเงินทอง ก็อาจจบลงที่การโดนฟ้องร้อง เพราะกระแสสังคมที่มีทนายกระซิบหาโอกาสฟ้องร้อง เพราะการรักษาของแพทย์ ไม่มีทางช่วยคนได้ทุกคนอย่างที่ตั้งใจ แม้เจตนาดีเพียงใดก็ตาม ด้านสุขภาพ บั้นปลายชีวิตแพทย์ที่ทำงานหนัก มักจบลงที่เป็นโรคเรื้อร่ัง หัวใจและหลอดเลือด มะเร็ง อุบัติเหตุ เพราะหลับในลองชั่ั่งน้ำหนักดูครับ ในช่วง10 ปี กับ 12++ ล้านบาท ค่าเสียโอกาส แลกกับสถานภาพ ความเป็นแพทย์่ที่ใฝ่ฝัน ถ้าคุณเป็นคนที่ใช่ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ เพราะสังคมจะได้แพทย์ที่ดีเพิ่มอีก 1ท่าน แต่ลูกคนเล็กผมสอบปีนี้ ผมบอกเขา ให้เขาตัดสินใจเองด้วยการมองความสุขที่ได้ในขณะทำงาน ไม่ใช่ความมั่นคง หรือรายได้ เพราะทุกอาชีพ ถ้าเก่งจริง ก็จะไปถึงฝันได้เสมอ 2 0 ถูกใจ 2 ตอบกลับ เมนู แก้ไข แจ้งลบ ปักหมุด
โกลลล 27 เม.ย. 67 เวลา 13:29 น. 3 เอาอันแรกสิ แนะนำเล อายุน้อยๆเร่งเก็บเงินให้ครบร้อยล้าน ทำได้ค่อยคิดอย่างอื่น 1 0 ถูกใจ 1 ตอบกลับ เมนู แก้ไข แจ้งลบ ปักหมุด
กานต์ 3 พ.ค. 67 เวลา 00:41 น. 4 เดาว่า อายุ24 รายได้เป็นแสน ไม่ขายออนไลน์ ก็ทำคอนเทนต์ลงยูทูป/หรือติ๊กต๊อก หรืออื่นๆที่เป็นอาชีพรายได้คงไม่แน่นอนไปอีก30-40ปีข้างหน้า ขนาดเจ้าของธุรกิจที่ทำมานานมากๆยังมีโอกาสล้มละลายหรือปิดกิจการได้ แต่ถ้าเรียนหมอ วิชาความรู้อาชีพหมอจะติดตัวไปตลอดชีวิตจนกว่าเราจะตายนั่นหมายถึงว่าเราไม่มีวันตกอับหรือล้มละลาย ลองตรองดูกับอาชีพที่ไม่แน่นอนกับอาชีพที่แน่นอนไปตลอดชีวิตว่าอย่างไหนดีกว่ากัน 1 1 ถูกใจ 1 ตอบกลับ 1 เมนู แก้ไข แจ้งลบ ปักหมุด
Seaotterutd 4 พ.ค. 67 เวลา 01:32 น. 4-1 เปล่าครับพี่ผมเป็น เภสัช ครับ ทํางาน full time กับ part time เเล้วตอนเย็นๆ เล่นดนตรีเป็นอาชีพเสริม ครับ เเต่ขอขอบคุณสําหรับความเห็นมากๆครับ 0 0 ถูกใจ ตอบกลับ เมนู แก้ไข แจ้งลบ
ม.ศรีนครินทรวิโรฒ รับเพิ่มรอบ Admission67 อีก 1,819 ที่นั่ง เช็กสาขาที่นี่เลย! TCAS/รับตรง/แอดมิชชั่น
ที่นี่ที่เดียว! รวม "มหาวิทยาลัย" ที่ปรับจำนวนรับใน Admission67 [Update 9/5/67] TCAS/รับตรง/แอดมิชชั่น
4 ความคิดเห็น
ถ้าเป็นเราในเมื่อมีงานทำอยู่แล้ว และเป็นงานที่รายได้ดีมั่นคง เราคงเลือกทำงานค่ะ เว้นแต่งานนั้นมันย่ำแย่อย่างยิ่งไม่ตรงความต้องการของเราเลยขนาดที่ว่าคงทนทำต่อไปได้อีกไม่นาน อันนั้นค่อยมาพิจารณาอีกที ส่วนความฝันคงพับเก็บเอาไว้ เปลี่ยนเป็นการหาความรู้เพิ่มเติมนอกเวลางานเอา เผื่อสักวันอาจได้นำความรู้นั้นไปเผยแพร่ให้คำแนะนำคนอื่น (อย่างถูกต้อง) ได้. และถ้ามีรายได้มากจนเหลือ ก็อาจเอาไปบริจาคให้เป็นทุนส่งเสริมเด็กที่อยากจะเรียนแพทย์แทน เราไม่ต้องเป็นแพทย์ก็ได้ แต่เราสร้างแพทย์ดีๆเพิ่มให้กับวงการแพทย์ได้นะคะ.
การศึกษาคือการลงทุน ทั้งทุนทรัพย์ และทุนเวลา. เมื่อลงทุนไปแล้วมันก็ควรได้กำไร ไม่ใช่ขาดทุนนอกจากนี้การใช้ชีวิตก็ต้องใช้ทุนทรัพย์เหมือนกัน การเอาทั้งทรัพย์และเวลาไปทุ่มกับความฝันหมด. ทั้งที่ผลสุดท้ายเราจะได้ทรัพย์คืนมาไม่เท่ากับต้นทุนที่เสียไป เรามองว่ามันเป็นการลงทุนที่ไม่ค่อยคุ้มค่ะ ออกจะขาดทุนด้วยซ้ำ. เพราะมันแปลว่าเราอาจไม่เหลือทุนทรัพย์มากพอสำหรับการใช้ชีวิต
อย่างไรก็ตาม เงินเป็นของคุณ. ชีวิตก็เป็นของคุณ. คุณมีสิทธิที่จะเลือกอะไรก็ได้ตามที่คุณพอใจค่ะ คนตันสินใจยังไงก็คือตัวคุณเองอยู่ดี
ศัลยแพทย์เกษียณเร็วครับ ลูกก็จบปริญญาแล้วครับ
ผมตอนนี้58 ปี สายตาไม่ค่อยดี แล้วครับ รายได้เป็น 0 เพราะกินเงินปันผล เล็กๆ น้อยๆ
อดีตจบแพทย์คณะในฝัน จบเฉพาะทาง เคยได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ เลยฝันไกลเลยครับ
ปรากฏว่าตอนนี้ ถ้าผ่าตัดคนเดียว มีความเสี่ยงเพิ่มทั้งต่อคนไข้ และ ตัวเอง ถ้าอยากทำงานต้องเน้นตรวจopd หรือไปทำบริหาร ถ้าไม่ชอบก็คงไม่มีความสุข
ถ้าอายุ 24 ปี มีรายได้ แสนเศษ แสดงว่ามีศักยภาพ ในอาชีพที่ทำ เพราะสร้างตัวได้เร็วมาก แต่ถ้าเลือกเรียนแพทย์กว่าจะจบและได้รับการยอมรับ อายุก็คงราว 35ปี ระหว่างนี้เรียนหนักมาก อยู่ในระดับต่ำสุดของการเรียนรู้ ถ้าทนผ่าน10ปีไปได้เป็นแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งมีโอกาสเรียนต่อประมาณ 1/3 ของแพทย์ทั้งหมด และผลการทำงานต้องเข้าตา จึงจะมีโอกาสได้ทำงานใน รพ.ใหญ่ๆ เข้าไปเป็นแพทย์ประจำ อยู่เวรconsultซึ่งต้องมาทำงานดึกๆ รายได้ช่วงนั้นก็คงได้ประมาณแสนเศษ เท่ากับตอนนี้ แต่ถ้าเก่งมากๆ เป็นครีมของรุ่น ซึ่งเทียบกับพวกแพทย์ด้วยกัน ก็จะมีรายได้เป็นหลักล้านบาทต่อเดือน แต่มีจำนวนน้อยมาก ต้องมีฝีมือที่โดดเด่นจริงๆ
ดังนั้นรายได้ที่ได้รับจริงๆ เทียบกับช่วงเวลาทำงาน ไม่มากอย่างที่คนทั่วไปคิด เพราะมองแต่ช่วงเวลาที่มีรายได้สูงสุด และมักคิดว่าตนเองก็ทำได้
แต่ถ้าต้องการเสียสละ และมีใจรักต้องการช่วยเพื่อนมนุษย์จริงๆ ก็เป็นหนีึ่งในอาชีพ ที่ดีที่สุด เพราะทุกวันมีโอกาสเสมอ ถ้าเผื่อใจไว้ด้วยว่า การช่วยเหลือเต็มที่แม้ไม่ต้องการเงินทอง ก็อาจจบลงที่การโดนฟ้องร้อง เพราะกระแสสังคมที่มีทนายกระซิบหาโอกาสฟ้องร้อง เพราะการรักษาของแพทย์ ไม่มีทางช่วยคนได้ทุกคนอย่างที่ตั้งใจ แม้เจตนาดีเพียงใดก็ตาม
ด้านสุขภาพ บั้นปลายชีวิตแพทย์ที่ทำงานหนัก มักจบลงที่เป็นโรคเรื้อร่ัง หัวใจและหลอดเลือด มะเร็ง อุบัติเหตุ เพราะหลับใน
ลองชั่ั่งน้ำหนักดูครับ ในช่วง10 ปี กับ 12++ ล้านบาท ค่าเสียโอกาส แลกกับสถานภาพ ความเป็นแพทย์่ที่ใฝ่ฝัน ถ้าคุณเป็นคนที่ใช่ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ เพราะสังคมจะได้แพทย์ที่ดีเพิ่มอีก 1ท่าน แต่ลูกคนเล็กผมสอบปีนี้ ผมบอกเขา ให้เขาตัดสินใจเองด้วยการมองความสุขที่ได้ในขณะทำงาน ไม่ใช่ความมั่นคง หรือรายได้ เพราะทุกอาชีพ ถ้าเก่งจริง ก็จะไปถึงฝันได้เสมอ
เอาอันแรกสิ แนะนำเล อายุน้อยๆเร่งเก็บเงินให้ครบร้อยล้าน ทำได้ค่อยคิดอย่างอื่น
เดาว่า อายุ24 รายได้เป็นแสน ไม่ขายออนไลน์ ก็ทำคอนเทนต์ลงยูทูป/หรือติ๊กต๊อก หรืออื่นๆที่เป็นอาชีพรายได้คงไม่แน่นอนไปอีก30-40ปีข้างหน้า ขนาดเจ้าของธุรกิจที่ทำมานานมากๆยังมีโอกาสล้มละลายหรือปิดกิจการได้ แต่ถ้าเรียนหมอ วิชาความรู้อาชีพหมอจะติดตัวไปตลอดชีวิตจนกว่าเราจะตายนั่นหมายถึงว่าเราไม่มีวันตกอับหรือล้มละลาย ลองตรองดูกับอาชีพที่ไม่แน่นอนกับอาชีพที่แน่นอนไปตลอดชีวิตว่าอย่างไหนดีกว่ากัน
เปล่าครับพี่ผมเป็น เภสัช ครับ ทํางาน full time กับ part time เเล้วตอนเย็นๆ เล่นดนตรีเป็นอาชีพเสริม ครับ เเต่ขอขอบคุณสําหรับความเห็นมากๆครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?